21 ธ.ค. ชวนดู ดาวพฤหัสบดีทาบทับดาวเสาร์ ครั้งแรกในรอบ 800 ปี

21 ธ.ค. ชวนดู ดาวพฤหัสบดีทาบทับดาวเสาร์ ครั้งแรกในรอบ 800 ปี

ดาวเคราะห์อย่าง ดาวพฤหัสบดี และ ดาวเสาร์ นั้นจะมีการโครจมาทาบกันภายในช่วงเดือน ธันวาคม นี้ โดยถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 800 ปี ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย อย่างการโคจรมาทาบกันของดาวเคราะห์ ดาวพฤหัสบดี และ ดาวเสาร์ ซึ่งได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงยุคกลาง หรือก็คือกว่า 800 ปีที่แล้ว โดยเราสามารถจะรับชมปรากฏการณ์นี้ได้ในเวลากลางคืนถึงรุ่งเช้า ประมาณในวันที่ 21 ธันวาคมนี้

โดยการทั้งหมดนี้เป็นการกล่าวอ้างโดย Patrick Hartigan นักดาราศาสตร์ 

จากมหาวิทยาลัย Rice ได้ออกมาอธิบายถึุงปรากฏการณ์นี้ว่า “การที่เส้นทางโครจระหว่างทั้งสองดาวดเคราะห์นั้นจะดำเนินมาในแนวทางนี้นั้น ถือว่าเป็นอะไรที่หายากมาก มักจะเกิดขึ้นอย่างน้อยที่สุด ทุก 20 ปี แต่ในคราวนี้นั้นมันหาได้ยากเป็นพิเศษ เนื่องด้วยความที่มันโคจรเข้าใกล้กันเป็นอย่างมาก ซึ่งก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงยุคกลาง ประมาณปี ค.ศ 1226”

ซึ่งบรรดานักดาราศาสตร์ต่างได้จับมองการปรากฏให้เห็นของดาวเคราะห์ทั้งสองดวงมาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนในปีนี้ แต่ทว่าในช่วงวันที่ 16 – 25 ธันวาคมนั้น ทั้ง 2 ดวงจะทำการเข้าใกล้กันมากขึ้น โดยแทบจะมีระยะห่างเท่ากับ หรือน้อยกว่าเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์แบบเต็มดวงเลยก็ว่าได้

Hartigan ได้กล่าวว่า ในช่วงเย็นของวันที่ 21 ธันวาคมนั้น ดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงจะทำการปรากฎให้เห็นเป็นเหมือนกับ ดาวทับซ้อนกัน ซึ่งความห่างของทั้ง 2 นั้นจะห่างกันประมาณ 1/5 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของดวงจันทร์แบบเต็มดวง สำหรับผู้ที่ทำการดูผ่านกล้องดูดาวนั้น คุณจะสามารถมองเห็นดาวเคราะห์แต่ละดวงได้ รวมไปถึงดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดของดาวเคราะห์นั้นอีกด้วย

ทั้งนี้ปรากฏการณ์นี้สามารถมองเห็นได้ทั่วโลก แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเส้นศูนย์สูตรนั้นจะรับชมได้ดีที่สุด ทั้งนี้แล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศที่จะบดบังทัศนียภาพดังกล่าวหรือไม่

ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพอังกฤษ ตัดสินให้ หนูน้อยวัย 9 ขวบ ตาย จาก มลพิษทางอากาศ ซึ่งถือเป็นคนแรกที่ถูกตัดสินให้เสียชีวิตจากมลพิษ เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า ศาลไต่สวนชันสูตรพลิกศพ ได้เปิดเผยว่า สาเหตุการตาย หนูน้อย เอลล่า เด็กหญิงชาวอังกฤษวัยเก้าขวบ ที่เสียชีวิตในปี 2556 นั้น มาจากหอบหืด โดยมี มลพิษทางอากาศ เป็นตัวแปรสำคัญ โดย เอลล่า ถือว่าเป็นศพแรกของโลกที่ถูกระบุว่าเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศ

หนูน้อยคนดังกล่าวอาศัยอยู่ใกล้กับกรุงลอนดอน หนึ่งในพื้นที่มีค่ามลพิษทางอากาศสูงเกินที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากที่หัวใจล้มเหลว ในปี 2556 และมีการเปิดเผยว่าในช่วงระยะเวลา 3 ปีก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอมีอาการหัวใจวาย และ ภาวะหยุดหายใจ ส่งผลให้เธอต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายครั้ง

นาย ฟิลิป บาร์โลว์ ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ระบุว่าครอบครัวของผู้ตายไม่ได้รับความรู้ที่มากพอเกี่ยวกับภาวะหอบหืดและมลพิษทางอากาศ ซึ่งอาจจะช่วยให้หนูน้อยคนดังกล่าวไม่ต้องจบชีวิตลงได้ โดยนายบาร์โลว์ ยังระบุอีกว่า เอลล่า ได้รับ ไนโตรเจนไดออกไซด์ มากเกินกว่าที่องค์การอนามัยโลกได้ระบุเอาไว้

คาดว่าการจราจรเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่ความตายของเธอ ด้านแม่ของผู้ตายได้กล่าวว่า เธอต้องการเห็นการกระตุ้นความตื่นตัวทางมลพิษมากกว่าการเห็นการโยนความผิดไปให้อีกฝ่าย เพราะว่าเด็กคนอื่นๆ ต้องเดินในเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศเช่นเดียวกัน

อัยการญี่ปุ่นสั่งฟ้อง คนร้าย วางเพลิง เกียวโต อนิเมชัน

อัยการญี่ปุ่น ฟ้อง คนร้าย วางเพลิง เกียวโต อนิเมชัน สตูดิโอผลิตการ์ตูนในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปีที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 ศพ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม สำนักข่าว NHK รายงานว่า อัยการญี่ปุ่นได้ทำการสั่งฟ้อง นาย อาโอบะ ชินจิ ชายวัย 42 ปีผู้เป็นคนวางเพลิง เกียวโต อนิเมชั่น สตูดิโอผลิตการ์ตูนชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 36 ศพ บาดเจ็บ 32 ราย

อัยการ ได้สั่งฟ้องผู้ก่อเหตุในหลายข้อหา เช่น ข้อหาฆาตกรรม และ ฆาตกรรม เป็นต้น และอัยการเชื่อว่าเหตุโศกนาฎกรรมครั้งนี้จะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นหาก นาย อาโอบะ ใช้แก๊สโซลีนในการวางเพลิง โดยอัยการกำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าจะให้คนร้ายต้อง รับผิดชอบทางอาญา หรือไม่ เนื่องจากคนร้ายได้วางแผนก่อนเกิดเหตุ

โดยคนร้ายได้อ้างว่าทางสตูดิโอได้ขโมยนิยายของเขาไป และเป็นมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ นอกจากนี้เขายังถูกควบคุมตัวนาน 6 เดือน เพื่อตรวจสอบสภาพจิต

เกียวโต อนิเมชั่น ถือเป็นสตูดิโอที่อยู่เบื้องหลังชื่อดังอนิเมชั่นของประเทศญี่ปุ่นมากมาย เช่น เค-อง (K-On), ไวโอเล็ต เอฟเวอร์การ์เด็น (Violet Evergarden) ฯลฯ

WHO เตรียมลงพื้นที่ในเมืองอู่ฮั่น เพื่อ สืบที่มา ของ โควิด-19 โดย WHO ยืนยันการเดินทางครั้งนี้ เน้นการหาวิธีป้องกันในอนาคต เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า ทางการจีน อนุญาตให้ นักชีววิทยา 10 คน จาก องค์การอนามัยโลก (WHO) เตรียมเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น อดีตศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของประเทศจีนในเดือนหน้า โดยการเดินทางครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสืบสวนหาต้นตอของเชื้อไวรัสโคโรโนสายพันธุ์ใหม่ 2019

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป